การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้นั้น แม้จะฟังดูง่ายแต่เอาเข้าจริงก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าหลายคนรู้จัก เคยได้ยิน แต่ไม่เข้าใจหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ทำให้พอเวลาลงมือปฏิบัติจริงแล้วไม่ต่อเนื่องจนเกิดผลสัมฤทธิ์ได้ ทางภาครัฐจึงได้มีการออกนโยบายให้นำหลักสูตรปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้าสู่โรงเรียนเพื่อให้สอนเด็กเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น ว่าแต่ทำไมต้องเริ่มที่เด็กด้วยล่ะ
หนึ่ง เด็กอยู่โรงเรียนมากกว่าบ้าน
ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เด็กสมัยนี้ อยู่โรงเรียนมากกว่าบ้านเสียอีก วันหนึ่งต้องอยู่โรงเรียนอย่างน้อยก็ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน อยู่บนถนนอีก 2-3 ชั่วโมงต่อวัน และอยู่บ้านในเวลาที่เหลือ นั่นทำให้การส่งเสริมความคิดเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะต้องส่งเสริมให้กับเด็กตอนอยู่โรงเรียนจะได้ผลดีกว่า สามารถทำได้ต่อเนื่องมากกว่า เราเรียนหนังสือในโรงเรียนอย่างน้อยก็ต้อง 12 ปีเป็นอย่างน้อย หากปลูกฝังอย่างต่อเนื่องรับรองว่าได้ผล
สอง เด็กยังสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้
สุภาษิตไทยได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก นั้นเป็นเรื่องจริงทีเดียว การปลูกฝังเรื่องนี้ตั้งแต่พวกเค้ายังเป็นเด็ก จะทำให้พวกเค้ามีแนวคิดเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงฝังอยู่ในจิตใจ แล้วทีนี้พอมันระเบิดออกมาจากข้างใน หรือหมายถึงความสนใจ ความต้องการที่จะทำเรื่องนี้จริงๆ ด้านพฤติกรรมอื่นก็ไม่ต้องสอนอะไรมากทุกอย่างจะขยับไปเอง แต่หากเป็นผู้ใหญ่แล้วการจะมาชักจูงเพื่อให้เปลี่ยนพฤติกรรมนี้ต้องใช้เวลานานและยากมาก
สาม เด็กเปลี่ยนแล้วผู้ใหญ่เปลี่ยน
เรามักจะเคยได้ยินว่า เด็กทำตามผู้ใหญ่ แต่เอาเข้าจริง บางครั้งผู้ใหญ่ก็ทำตามเด็กเหมือนกัน เราอยากเอาแนวคิดนี้มาใช้กับการปลูกฝังค่านิยมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับเด็กลงไป หากเด็กช่วยกันทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไร ก็จะทำให้ผู้ใหญ่ในครอบครัว หรือ ชุมชนนั้นคล้อยตามไปด้วย ลองนึกภาพหากลูกเราบอกว่าจะหยอดกระปุกเพื่อเก็บเงิน พร้อมกับชักชวนเราให้ทำตาม เราจะไม่ทำตามเชียวเหรอ จริงไหมล่ะ ยิ่งตายายเห็นลูกหลานทำความดีแบบนี้นะ รับรองว่าจะสนับสนุนและเปลี่ยนตัวเองตามเลยแบบไม่กล้าขัดใจหลาน
สี่ เด็กคืออนาคตของชาติ
ไม่เพียงแค่นั้นเด็กยังถือว่าเป็นอนาคตของชาติอีกด้วย ดังนั้นหากเราต้องการผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีความเข้าใจเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างดี ก็ต้องปลูกฝังกันตอนเด็กอย่างต่อเนื่องนี่แหละ ทีนี้เมื่อเค้าออกจากระบบโรงเรียนไปสักอายุประมาณ 15-16 ปี เค้าก็ไปทำต่อในวัยผู้ใหญ่ เมื่อรวมกันมากๆเค้ามันก็จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ในที่สุด